5 ขั้นตอนการผลิตของพรีเมี่ยมตามความต้องการ แบบไม่ซ้ำใคร

เทคนิคการผลิตของพรีเมี่ยมให้แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร

    หลายคนอาจคิดว่าการจะผลิตสินค้าหรือผลิตของพรีเมี่ยมขึ้นมาสักชิ้นหนึ่งนั้นเป็นเรื่องที่ยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องการผลิตของพรีเมี่ยมที่มีความแตกต่างไปจากของพรีเมี่ยมแบบเดิม เช่น กล่องข้าวแบบใหม่ กระบอกน้ำ กระปุกออมสิน แต่รู้หรือไม่ว่าในความเป็นจริงนั้นการจะออกแบบบรรจุภัณฑ์หรือผลิตของพรีเมี่ยมให้มีความโดดเด่น สะดุดตา และไม่ซ้ำใคร อย่างสินค้าจากสิทธิ์แลกซื้อ7-11 กระปุกออมสินโอชิจากไทยสมุทร มีขั้นตอนง่าย ๆ ที่ใคร ๆ ก็สามารถทำได้เพียง 5 ขั้นตอนเท่านั้น! มาดูกันว่าการผลิตของพรีเมี่ยมตามความต้องการ แบบไม่ซ้ำใคร มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง 

อยากผลิตของพรีเมี่ยมตามความต้องการ แบบไม่ซ้ำใคร ต้องทำอย่างไรบ้าง

1. กำหนดความต้องการในการผลิตของพรีเมี่ยม

1.1 ควรรู้ก่อนว่าต้องการผลิตของพรีเมี่ยมในรูปแบบไหน

    หากเจ้าของธุรกิจต้องการออกแบบบรรจุภัณฑ์ หรือ ผลิตของพรีเมี่ยม ที่เป็นแบบเฉพาะสำหรับองค์กรสำหรับส่งเสริมการขายหรือมอบเป็นของขวัญพิเศษให้กับลูกค้าและพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจในโอกาสสำคัญต่าง ๆ เจ้าของธุรกิจก็จำเป็นที่จะต้องทำการบ้านเกี่ยวกับความต้องการของตนเองก่อนว่า ตนเองนั้นต้องการผลิตของพรีเมี่ยมในรูปแบบไหน ยกตัวอย่างเช่น แก้วน้ำ กระปุกออมสิน หรือกล่องอาหาร เป็นต้นแต่ถ้านึกไม่ออกว่าอยากแจกอะไร สามารถขอคำปรึกษาจากผู้ออกแบบ-ผลิตของพรีเมี่ยมได้

1.2 ต้องการเพิ่มฟังก์ชันพิเศษอะไร ในการผลิตของพรีเมี่ยม

    จุดประสงค์ของการเพิ่มฟังก์ชันพิเศษลงในการผลิตของพรีเมี่ยม คือ เพิ่มความน่าสนใจให้ของพรีเมี่ยม และสร้างประสบการณ์ที่ดีใจการใช้ของพรีเมี่ยมชิ้นนั้นๆ ในการผลิตของพรีเมี่ยม เราสามารถเพิ่มฟังก์ชั่นพิเศษอะไรลงไปได้บ้าง มาดูตัวอย่างกันเลย แก้วน้ำที่สามารถเปลี่ยนสีตามอุณหภูมิ ฟังก์ชันพิเศษนี้ช่วยให้ผู้ใช้รู้ทันทีว่าน้ำในแก้ว เย็นหรือร้อน กระปุกออมสินที่สามารถนำมาต่อกันเป็น Lego และที่สำคัญคือเจ้าของธุรกิจควรที่จะยกโจทย์ของความพิเศษนี้ขึ้นมาพูดคุยกับทางผู้ผลิตโดยตรง เพื่อที่ทางผู้ผลิตจะได้สามารถช่วยให้คำแนะนำเกี่ยวกับข้อจำกัดต่าง ๆ ในการออกแบบ และช่วยนำเสนอไอเดียใหม่ ๆ ที่จะช่วยให้การผลิตของพรีเมี่ยมมีความน่าสนใจและเป็นไปได้จริง

1.3 กำหนดงบประมาณในการผลิตของพรีเมี่ยม

    หลังจากที่มีการพูดคุยถึงความต้องการในการผลิตของพรีเมี่ยมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เจ้าของธุรกิจควรแจ้งให้ทางผู้ผลิตได้ทราบถึงงบประมาณในการผลิตของพรีเมี่ยมและการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่ทางบริษัทมีอยู่อย่างชัดเจน เพื่อที่ทางผู้ผลิตจะได้สามารถวางแผนและทำการคำนวณแบบคร่าว ๆ ได้ว่า งบประมาณที่ทางลูกค้ามีอยู่นั้นจะเพียงพอต่อการออกแบบบรรจุภัณฑ์และผลิตของพรีเมี่ยมให้ตรงตามความต้องการได้หรือไม่ หากงบประมาณมีไม่เพียงพอทางเจ้าของธุรกิจและผู้ผลิตก็จะได้สามารถทำการพูดคุยเพื่อหาทางออกร่วมกันได้ว่า จะทำการลดสเปคของสินค้าลงเพื่อให้เหมาะสมกับงบประมาณที่มีอยู่ หรือจะทำการเพิ่มงบประมาณเพื่อให้สามารถผลิตของพรีเมี่ยมขึ้นมาได้ตรงตามความต้องการมากที่สุด

1.4 ระยะเวลาการผลิตของพรีเมี่ยม และ กำหนดส่งสินค้า

    เนื่องจากการผลิตของพรีเมี่ยมส่วนใหญ่ผลิตขึ้นเพื่อใช้ร่วมกับแคมเปญต่างๆ เช่น กิจกรรมวันสงกรานต์ กิจกรรมวันปีใหม่ ระยะเวลาการทำงานในแต่ละขั้นตอนจึงมีความสำคัญมาก โดยเฉพาะกำหนดการจัดส่ง ถ้าการจัดส่งล่าช้า ของพรีเมี่ยมเหล่านี้ก็จะไม่ได้ถูกนำมาใช้งานได้อีก เจ้าของธุรกิจจำเป็นที่จะต้องวางแผนและพูดคุยถึงกำหนดการของแต่ละขั้นตอน กับทางผู้ผลิตให้ชัดเจน เพื่อผลิตของพรีเมี่ยมได้ทันกำหนดการใช้งาน

1.5 ตัวอย่างการกำหนดความต้องการในการผลิตของพรีเมี่ยม

    หากเจ้าของธุรกิจต้องการที่จะผลิตของพรีเมี่ยม เจ้าของธุรกิจควรแจ้งความต้องการในการผลิตของพรีเมี่ยมให้กับผู้ผลิตได้ทราบอย่างชัดเจน ยกตัวอย่างเช่น
รูปแบบ : ต้องการผลิตกล่องข้าว เพื่อการช่วยส่งเสริมแคมเปญเกี่ยวกับอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
ฟังก์ชันพิเศษ : ทำจากพลาสติกที่สามารถย่อยสลายได้ มีความแข็งแรงสามารถใช้ซ้ำได้
งบประมาณ : ราคาไม่เกิน 100 บาท
กำหนดส่ง : ก่อนสงกรานต์

2. ออกแบบและทำตัวอย่างก่อนการผลิตของพรีเมี่ยม

2.1 การออกแบบเพื่อผลิตของพรีเมี่ยม

    หลังจากที่ได้มีการพูดคุยถึงความต้องการในการผลิตของพรีเมี่ยมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนในลำดับถัดมาก็จะเป็นขั้นตอนในส่วนของการออกแบบ ซึ่งในขั้นตอนนี้ถือได้ว่าเป็นขั้นตอนที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะในขั้นตอนนี้ผู้ออกแบบจะต้องทำหน้าที่ในการแปลงความต้องการของลูกค้าให้ออกมาอยู่ในรูปของผลิตภัณฑ์ที่สามารถจับต้องและนำมาใช้งานได้จริง ส่งผลให้เจ้าของธุรกิจจึงจำเป็นที่จะต้องทำการพูดคุยกับผู้ออกแบบอย่างละเอียดเพื่อให้ผู้ออกแบบสามารถทำความเข้าใจกับเนื้องานและความต้องการในการผลิตของพรีเมี่ยมได้อย่างตรงจุดมากที่สุด

    รวมถึงเจ้าของธุรกิจยังจำเป็นที่จะต้องเลือกใช้บริการบริษัทผู้ผลิตและผู้ออกแบบที่มีความเข้าใจเกี่ยวกับข้อจำกัดในการออกแบบบรรจุภัณฑ์และการผลิตของพรีเมี่ยมอย่างแท้จริง เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการออกแบบชิ้นงานที่ไม่สามารถนำมาผลิตเป็นของพรีเมี่ยมได้จริง ซึ่งจะส่งผลให้เจ้าของธุรกิจต้องสูญเสียเวลาในการปรับแก้ไขชิ้นงานโดยไม่จำเป็น และอาจส่งผลให้การผลิตของพรีเมี่ยมล่าช้าจนไม่สามารถนำมาใช้งานได้ทันตามกำหนดการได้

2.2 การทำตัวอย่างก่อนการผลิตของพรีเมี่ยม

    หลังจากที่ได้มีการออกแบบของพรีเมี่ยมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อีกหนึ่งขั้นตอนในการผลิตของพรีเมี่ยมที่มีความสำคัญไม่แพ้กันคือขั้นตอนของการสั่งทำสินค้าตัวอย่างขึ้นมาให้ทางเจ้าของธุรกิจได้ดูก่อนที่จะมีการสั่งผลิตของพรีเมี่ยมขึ้นจริง เพื่อให้เจ้าของธุรกิจได้ทำการพิจารณาก่อนว่าสินค้าดังกล่าวนั้นถูกออกแบบและผลิตขึ้นมาโดยมีสี ขนาด ลักษณะของวัสดุ และรายละเอียดอื่น ๆ ที่ตรงตามต้นแบบและความต้องการหรือไม่ และหากไม่ต้องตามความต้องการ เจ้าของธุรกิจอยากจะให้มีการปรับแก้ในรายละเอียดส่วนไหนอย่างไรบ้าง เพื่อเป็นการช่วยลดความผิดพลาดและปัญหาที่จะเกิดขึ้นหากสั่งผลิตสินค้าจริงแล้วสินค้าที่ได้ไม่เหมือนกับต้นแบบที่ได้วางเอาไว้ และช่วยให้เจ้าของธุรกิจสามารถผลิตของพรีเมี่ยมขึ้นมาได้อย่างตรงใจมากที่สุด

3. การเลือกโรงงานผลิตของพรีเมี่ยม

    การมอบของพรีเมี่ยมให้กับลูกค้าหรือพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจถือได้ว่าเป็นหนึ่งในวิธีการสื่อสารทางการตลาดที่จะช่วยให้ธุรกิจกลายมาเป็นที่รู้จักและได้รับความสนใจได้มากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นแล้วเจ้าของธุรกิจจึงจำเป็นที่จะต้องให้ความสำคัญกับคุณภาพของของพรีเมี่ยมที่ถูกผลิตขึ้นมามากเป็นพิเศษ เพราะการมอบของพรีเมี่ยมที่มีคุณภาพดี และมีการออกแบบมาอย่างประณีตไม่เพียงแต่จะช่วยเป็นหน้าเป็นตาให้กับธุรกิจและส่งเสริมภาพลักษณ์ของธุรกิจให้ดูดีมากยิ่งขึ้น แต่ยังถือได้ว่าเป็นการช่วยมอบความรู้สึกประทับใจและคุณค่าทางจิตใจให้กับลูกค้าหรือพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจได้มากยิ่งขึ้น

    เพราะฉะนั้นแล้วในการเลือกโรงงานผลิตของพรีเมี่ยม เจ้าของธุรกิจจึงไม่เพียงจะต้องเลือกโรงงานผลิตที่มีความน่าเชื่อถือและได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าในด้านของคุณภาพในการผลิตสินค้าและการบริการเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่เจ้าของธุรกิจยังจำเป็นที่จะต้องให้ความสำคัญกับกำลังในการผลิต และเทคโนโลยีในการผลิตของโรงงานผลิตของพรีเมี่ยมที่เลือกใช้บริการด้วยเช่นกัน โดยเจ้าของธุรกิจควรรู้ก่อนว่าของพรีเมี่ยมที่ต้องการผลิตขึ้นมานั้นมีส่วนประกอบเป็นอย่างไร และแต่ละชิ้นส่วนนั้นทำมาจากวัสดุใดบ้าง เพราะโดยทั่วไปแล้วโรงงานผลิตส่วนใหญ่มักจะมีเทคโนโลยีในการผลิตเพียงรูปแบบเดียวเท่านั้น หากเจ้าของธุรกิจต้องการที่จะผลิตของพรีเมี่ยมที่มีการใช้งานวัสดุที่หลากหลาย เราอาจจะต้องติดต่อกับโรงงานผู้ผลิตหลายโรงงาน

ยกตัวอย่างเช่น หากเจ้าของของธุรกิจต้องการผลิตของพรีเมี่ยมเป็น แก้วน้ำสองชั้นพร้อมยางจับแก้ว เจ้าของธุรกิจก็จำเป็นที่จะต้องทำการติดต่อไปยังโรงงานผลิตทั้งหมด 3 แห่ง ได้แก่

1. โรงงานผลิตแก้วพลาสติก เพื่อทำการออกแบบและผลิตแก้วน้ำสองชั้น
2. โรงงานผลิตยาง เพื่อทำการออกแบบและผลิตในส่วนของยางจับแก้ว โดยควรติดต่อหลังจากที่ได้มีการออกแบบและผลิตตัวอย่างของแก้วน้ำสองชั้นขึ้นมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อเป็นการช่วยป้องกันไม่ให้เกิดความผิดพลาดที่จะส่งผลให้แก้วน้ำสองชั้นและยางจับแก้วไม่สามารถใช้งานร่วมกันได้
3. โรงงานพิมพ์โลโก้บนสินค้า เพื่อทำการออกแบบและผลิตโลโก้สำหรับสกรีนบนแก้วน้ำสองชั้นพร้อมยางจับ ซึ่งควรติดต่อหลังจากที่มีการผลิตสินค้าตัวอย่างของแก้วน้ำสองชั้นและยางจับขึ้นมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วเช่นกัน เพื่อที่โรงงานจะได้สามารถทำการจัดวางตำแหน่งในการพิมพ์โลโก้ได้อย่างเหมาะสม และช่วยให้เจ้าของธุรกิจสามารถตรวจสอบและปรับแก้ไขรูปแบบและลักษณะของการพิมพ์โลโก้บนแก้วน้ำสองชั้นพร้อมยางจับให้ตรงตามความต้องการได้ก่อนการผลิตสินค้าจริง

4. การประเมินราคาผลิตของพรีเมี่ยม

    เมื่อเจ้าของธุรกิจได้มีการตัดสินใจเลือกของพรีเมี่ยมที่ต้องการผลิต และเลือกโรงงานผลิตของพรีเมี่ยมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทางบริษัทผู้ผลิตก็จะทำการระบุสเปคสินค้าพร้อมจัดทำใบเสนอราคา
สำหรับกรณีที่ต้องการปรับลดราคา เจ้าของธุรกิจสามารถแจ้งกับผู้ผลิตของพรีเมี่ยมได้โดยตรง เพื่อขอคำแนะนำในการใช้วัสดุทดแทน หรือ หาแนวทางที่จะช่วยให้ได้ราคาของพรีเมี่ยมที่สอดคล้องกับความต้องการ ปัจจัยหลักๆที่ส่งผลต่อ ราคา ได้แก่ คุณภาพของสินค้า ความแข็งแรง ฟังก์ชันพิเศษ ประเภทของวัสดุ และเทคโนโลยีที่นำมาใช้ในการผลิตของพรีเมี่ยม ที่สำคัญคือ หากมีการผลิตของพรีเมี่ยมในปริมาณที่มากขึ้น ราคาย่อมลดลงเช่นกัน

5. การผลิตของพรีเมี่ยม และการตรวจสอบคุณภาพหลังการผลิตของพรีเมี่ยม

    หลังจากที่เจ้าของธุรกิจได้มีการพูดคุยและตกลงกับบริษัทผู้ผลิตเกี่ยวกับการออกแบบ ราคา และโรงงานผลิตสินค้าพรีเมี่ยมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนสุดท้ายการตรวจสอบคุณภาพสินค้าหลังการผลิตของพรีเมี่ยม ซึ่งขั้นตอนในการตรวจสอบคุณภาพหลังการผลิตของพรีเมี่ยมนี้มีขึ้นเพื่อเป็นการช่วยรับรองให้เจ้าของธุรกิจสามารถมั่นใจได้ว่าของพรีเมี่ยมทุกชิ้นที่ถูกผลิตขึ้นมานั้นถูกผลิตขึ้นมาอย่างถูกต้อง โดยมีรูปแบบ วัสดุ และคุณภาพของของพรีเมี่ยมตรงตามรูปแบบที่ได้ระบุไว้ในสเปคสินค้า
ถ้าหากในขั้นตอนนี้เจ้าของธุรกิจเกิดพบว่าของพรีเมี่ยมที่ถูกผลิตขึ้นมานั้นมีรูปแบบหรือคุณภาพที่ไม่ตรงตามมาตรฐาน หรือตรงตามสินค้าตัวอย่างที่ถูกผลิตขึ้นมาให้ดูก่อนหน้านี้ เจ้าของธุรกิจก็จะได้สามารถทำการพูดคุยกับบริษัทผู้ผลิตเพื่อทำการตกลงเกี่ยวกับขั้นตอนและระยะเวลาในการปรับแก้ไขชิ้นงานได้ในทันที เพื่อให้ไม่กระทบกับกำหนดการที่ได้วางเอาไว้

    ถึงแม้ว่าขั้นตอนในการผลิตของพรีเมี่ยมจะมีรายละเอียดให้เจ้าของธุรกิจต้องทำการศึกษาและทำความเข้าใจที่ค่อนข้างเยอะ แต่ถ้าเข้าใจถึงขั้นตอนในการผลิตของพรีเมี่ยมและการออกแบบบรรจุภัณฑ์เหล่านี้อย่างถี่ถ้วนแล้วละก็ การที่ธุรกิจจะมีของพรีเมี่ยมของตัวเองที่มีความแปลกใหม่และโดดเด่นไม่ซ้ำใครก็จะไม่ใช่เรื่องที่ยากอีกต่อไป แต่อย่างลืมว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เจ้าของธุรกิจที่ต้องการจะเลือกผลิตของพรีเมี่ยมให้กับธุรกิจของตัวเองต้องระวัง คือ “การออกแบบ” เพราะถ้าหากมีการออกแบบมาแล้วไม่สามารถผลิตของพรีเมี่ยมขึ้นมาได้ ก็เหมือนกับการที่ธุรกิจได้ติดกระดุมผิดไปตั้งแต่เม็ดแรก และทำให้การติดกระดุมเม็ดถัด ๆ ไปต้องผิดพลาดตามไปด้วย

    สำหรับลูกค้าท่านไหนที่กำลังมองหาผู้ให้บริการผลิตของพรีเมี่ยมที่มีความแปลกใหม่และโดดเด่นไม่เหมือนใครให้กับธุรกิจ Plastic House โรงงานพลาสติกให้บริการผลิตของพรีเมี่ยมตามความต้องการ และออกแบบบรรจุภัณฑ์หลากหลายรูปแบบ อาทิ แก้วน้ำ กระบอกน้ำพลาสติก กล่องอาหารพลาสติก กระปุกออมสิน หลอดยาดม ขวดโลชั่น ขวดแชมพู ขวดใส่สารเคมี และกระปุกอาหารเสริม เป็นต้น
ให้บริการแบบ One Stop Service ออกแบบ และผลิตของพรีเมี่ยมตามความต้องการด้วยทีมวิศวกรและนักออกแบบผู้เชี่ยวชาญ สามารถทำตัวอย่างก่อนเริ่มผลิต Plastic House ผู้ช่วยที่ทำให้การออกแบบบรรจุภัณฑ์และผลิตของพรีเมี่ยมกลายเป็นเรื่องที่ง่าย

โทร: สายด่วน (081) 844 4486
www.facebook.com/Plastic.House.LTD
Line id : @plastichouse
E-mail : contact@plastichouseltd.com